ผู้บริหารทุกคนย่อมต้องการทำงานให้สำเร็จ
และมีความคิดหลายอย่างที่จะหาวิธีให้ภาระงาน บรรลุตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์
ความคิดของผู้บริหารอาจเลื่อนลอยไม่ชัดเจนอาจเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ความคิดของผู้บริหารเป็นความจริงก็คือการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในการบริหารงาน
หากขาดการวางแผนหนทางที่จะบรรลุผลก็เป็นไปได้ยาก
ในแง่ของการบริหารงานการวางแผนเป็นหน้าที่แรกสุดแล้วก็ตามด้วยหน้าที่การจัดองค์การ
การจูงใจ หรือการนำและการควบคุมการวางแผน
ดังนั้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์มีความสำคัญมากที่จะบอกได้ว่าองค์กรจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันกับองค์กรอื่นหรือไม่
แผนเป็นสิ่งที่แสดงให้เป็นว่าองค์กรพยายามที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่กำลังกระทำอยู่และพยายามทำให้ดีกว่าคนอื่น
การวางแผนเชิงกลยุทธ์เป็นการตัดสินใจล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จริง
การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์หรือเรียกย่อๆ ว่า MBO เป็นกระบวนการร่วมกันกำหนดวัตถุประสงค์และการควบคุมระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา
ซึ่งเป็นการเชื่อมหน้าที่ทางการบริหารระหว่างการวางแผน และการควบคุมเข้าด้วยกัน MBO ย่อมาจาก Management
by Objectives เป็นแนวคิดทางการบริหารที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ความเป็นมาและแนวความคิดเกี่ยวกับการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
(MBO) ความเป็นมาการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
(MBO) การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO)นั้น เป็นเทคนิคการบริหารงานแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมาก
ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยนักวิชาการคนหนึ่งชื่อ Peter F. Drucker ซึ่ง ได้เสนอแนวความคิดเรื่องนี้เป็นคนแรกที่อเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1954 ในหนังสือของเขาชื่อ The Practice of Management Drucker ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทุกองค์การต้องมีเป้าหมาย
เพื่อนำทางบุคคลที่บริหารงานองค์การ ประสานเป้าหมายของพวกเขาเข้ากับเป้าหมายขององค์การและส่งเสริมการทำงานเป็นทีมชี้ให้เห็นความจำเป็นของการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อนำองค์การไปสู่ต้องการการบริหารแบบนี้มีเรียกกันหลายชื่อ เช่น Management by Results
(MBR) หรือ Management by Objectives and Results (MOR) ในส่วนภาษาไทยที่เรียกชื่อการบริหารในลักษณะนี้ที่คล้าย ๆ กัน เช่น
การบริหารงานโดยมีวัตถุประสงค์
การบริหารงานโดยกำหนดวัตถุประสงค์ หรือ การบริหารงานตามวัตถุประสงค์ ในการบริหารงานอีกแบบหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับ MBO
เหมือน ฟ้ากับดิน คือ Management by Activities and Results
(MAR) ซึ่งมุ่งที่ผลที่จะเกิดขึ้นหรือจะได้รับเท่านั้น
โดยไม่มีการกำหนดวัตถุประสงค์เลย เช่น ต้องการขายสินค้าให้ได้มากที่สุด
โดยไม่มีการกำหนดเป้าหมายและวางแผนที่แน่นอนว่าจะขายให้ได้เท่าไร โดยวิธีใด
แล้วก็ทำการโหมโฆษณา หรือตีปีป อย่างเต็มที่เพื่อให้ขายให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน
ซึ่งเป็นการบริหารแบบโบราณที่ผิดหลักวิชา
ในปัจจุบันก็มีนักบริหารใช้วิธีการนี้เช่นกัน เช่น เชิญสื่อมวลชน มาทำข่าวให้ดัง
โดยไม่คำนึงว่า จะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ มีเพียงวัตถุประสงค์ที่แน่นอนคือให้ดังก็พอแล้ว
แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) แนวความคิดของ การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) มีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง
เช่น เน้นสิ่งที่ต้องกระทำแทนที่จะเป็นกระทำอย่างไร บุคคลมีความสำคัญกว่าวิธีการ
และการมอบหมายอำนาจหน้าที่ดีกว่าการควบคุม บุคคลถูกคาดหวังให้ควบคุมตนเอง
พวกเขาถูกสนับสนุนให้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในทิศทางขององค์การ
และตามทัศนะของเสนาะ ติเยาว์. (2543)
การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์หรือเรียกย่อๆ ว่า MBO เป็นกระบวนการร่วมกันกำหนดวัตถุประสงค์และการควบคุมระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา
ซึ่งเป็นการเชื่อมหน้าที่ทางการบริหารระหว่างการวางแผน
และการควบคุมเข้าด้วยกันซึ่งมีแนวคิดสำคัญ 4 อย่าง คือ 1.
ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาตกลงร่วมกันกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละคนว่าจะทำงานให้ได้ผลตามเป้าหมายเท่าไรภายในระยะเวลาที่กำหนด
2.
ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาตกลงร่วมกันวางแผนงานโดยผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำงานให้สำเร็จได้ด้วยวิธีการของแต่ละคน
3. ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาตกลงร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานที่ใช้วัดผลการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
4.
ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาตกลงร่วมกันในการวัดผลงานที่เกิดขึ้นจริงทบทวนแก้ไขผลการปฏิบัติงานและกระบวนการ
การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) ใหม่
ในแง่ขอกระบวนการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) ผู้บังคับบัญชาร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชาในการวางแผนและการควบคุม
ส่วนในการดำเนินงานผู้ใต้บังคับบัญชามีอิสระที่จะเลือกวิธีทำงานของตัวเอง
ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สนับสนุนและช่วยแก้ปัญหาการทำงานที่อาจเกิดขึ้น
ความหมายของการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
(MBO)
ปีเตอร์ ดรักเกอร์. (Peter F. Drucker) ได้ให้คำจำกัดความการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) คือ
หลักของการบริหารที่จะจัดให้แต่ละบุคคลได้ทำงานและมีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่
มีทิศทางในการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนและแน่นอน มีการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะทำให้การประสานระหว่างเป้าหมายของบุคคล
และเป้าหมายขององค์การเป็นไปอย่างดีและเรียบร้อย
วิลเลี่ยม เรดดิน. (William J.
Reddin) กล่าวว่าการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) คือ การสร้างขอบเขตและมาตรฐานของงานที่มีประสิทธิผล
สำหรับตำแหน่งที่ทำหน้าที่ทางด้านบริหารระดับต่าง ๆ
ซึ่งสัมพันธ์กันทั้งในระดับเดียวกันและในระดับสูงโดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์เป็นระยะ ๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้ซึ่งสามารถวัดผลได้
จอร์จ เอส. ออดิออร์น. (George S.
Odiorne) ได้ให้ความหมายไว้ว่า การบริหารตามวัตถุประสงค์
เป็นระบบบริหารที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงและรองของหน่วยงานร่วมกันกำหนดเป้าหมายการทำงาน
และขอบเขตความรับผิดชอบของงานและคนในแง่ของผลสำเร็จที่คาดว่าจะได้
โดยใช้ผลสำเร็จดังกล่าวนี้เป็นแนวทางของการทำงานในหน่วยงานและให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของสมาชิกแต่ละคนในหน่วยงานด้วย
จอห์น ดับบลิว ฮัมเบิล. (John W.
Humble) ได้ให้ความหมายของการบริหารตามวัตถุประสงค์ ว่าเป็น
ระบบที่มีลักษณะเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ซึ่งผสมผสานความต้องการต่าง ๆ ขององค์การ
เพื่อให้องค์การบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ (คือมีกำไรและขยายกิจการใหญ่โตขึ้น)
พร้อมกับความจำเป็นของหัวหน้าที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าวและขณะเดียวกันก็พัฒนาตนเองด้วย
สุรพันธ์ ยันต์ทอง. ได้กล่าว
การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) เป็นระบบการบริหารรูปหนึ่งที่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ร่วมทั้งระบบองค์การ
โดยมีการวางแผนและจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะต้องดำเนินการด้วยความร่วมมือและความเต็มใจของผู้บริหารทุกระดับในองค์การในอันที่จะร่วมมือกันบริหารงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
ตลอดจนมีกลไกควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
หรืออาจกล่าวอย่างสั้นๆ ได้ว่า
เป็นระบบบริหารที่จัดให้ทุกคนในองค์การที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันปฎิบัติงานโดยมีวัตถุประสงค์เป็นหลักและใช้วัตถุประสงค์นี้เป็นเครื่องมือประเมินผลการปฏิบัติงาน
ธงชัย
สันติวงค์. ได้ให้ความหมายของ การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ หรือ การบริหารตามเป้าหมาย
หมายถึงวิธีการจัดการงานที่มุ่งเน้นจะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยอาศัยและหวังผลจากการมีวิธีการวางแผนที่มีประสิทธิภาพเป็นสำคัญ จากความหมายดังกล่าวมาข้างต้น
จะเห็นได้ว่า การบริหารตามวัตถุประสงค์ (MBO) จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายของงานไว้ล่วงหน้า
โดยความร่วมมือของผู้บริหารทุกระดับในองค์กร มีการมอบหมายงานให้บุคลากรปฏิบัติ
มุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์และผลงานที่จะทำให้สำเร็จซึ่งมีกลไกควบคุมการตรวจสอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ดังนั้นการบริหารแบบนี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญแก่ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ
ให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานด้วยความเต็มใจจึงจะได้ผลผลิตออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ สรุปได้ว่า
การบริหารตามวัตถุประสงค์ (MBO) เป็นระบบบริหารงานโดยผู้บริหารกับผู้ร่วมงานกำหนดวัตถุประสงค์
เพื่อให้ดำเนินงานไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ร่วมกัน มีทิศทางการทำงานที่แน่นอน
ทำให้บุคคลในองค์การทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) การบริหารตามวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ในองค์การนั้น อาจทำได้ สองลักษณะคือ
ทำเป็นโครงการกึ่งเต็มรูป โดยนำ การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) มาใช้เฉพาะการบริหารส่วนใดส่วนหนึ่งขององค์การก่อน และโครงการเต็มรูป
เป็นการนำ การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ (MBO) มาใช้ปรับปรุงองค์การในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งอาจจะเป็นระยะเวลา 3 – 5 ปี จึงจะสมบูรณ์แบบ กระบวนการหรือขั้นตอนในการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
(MBO) งานมี 4 ขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1. การกำหนดวัตถุประสงค์และและการวางแผน
เป็นหลักการที่สำคัญอันดับแรก คือการกำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การ
โดยผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชากำหนดวัตถุประสงค์ร่วมกัน
นักวิชาการบริหารบางท่านวิจัยแล้วพบว่า การบริหารที่มีประสิทธิภาพนั้น
การกำหนดวัตถุประสงค์จะต้องไม่กำหนดจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง
หรือจากเบื้องล่างขึ้นไปสู่เบื้องบน
แต่จะต้องร่วมกันกำหนดวัตถุประสงค์แล้วจึงวางแผนการปฏิบัติงานร่วมกัน
โดยจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำ
กำหนดระยะเวลาดำเนินการ
กำหนดงบประมาณ ตลอดจนกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน
2. การมอบหมายงานและหน้าที่รับผิดชอบแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
งานขั้นนี้เป็นการแจ้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับรู้ถึงขอบเขตของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่และสามารถกำหนดวัตถุประสงค์ในการทำงานด้วยตัวเอง
โดยมอบความไว้วางใจและความเป็นอิสระในการทำงานให้
ทั้งนี้จะต้องชี้แจงให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ทราบถึงงานหลักและมาตรฐานงานที่ต้องการ
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมายรวมขององค์การ
โยผู้บังคับบัญชาพร้อมที่จะให้คำปรึกษาหารือเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาต้องการ
3. ตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างมีระบบ
งานในขั้นนี้เป็นการตรวจสอบว่า
การดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้ก้าวหน้าไปมากน้อยเพียงใดและมีสิ่งใดที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้
4. การประเมินผลงาน
เป็นการประเมินผลงานที่เน้นวัตถุประสงค์และผลงานเป็นสำคัญ
ที่มา : https://www.kroobannok.com/21393
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น